สายพันธุ์ของกาแฟ ( SPECIES OF COFFEE )


สายพันธุ์ของกาแฟ ( SPECIES OF COFFEE )

บนโลกนี้มีกาแฟอยู่หลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน การเรียกกาแฟในแต่ละสายพันธุ์จะเรียกตามพื้นที่ปลูกบ้างหรือพื้นที่ที่พบพันธุ์ของกาแฟนั้นในครั้งแรกบ้าง กาแฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ คือ


กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta)



กาแฟสายพันธุ์นี้ปลูกในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มากนัก ส่วนใหญ่ปลูกในประเทศแถบร้อนชื้น มีรสชาติเข้มข้น หอมฉุนกว่ากาแฟพันธุ์อื่นๆ มีสัดส่วน ของผลผลิตกาแฟทั่วโลกถึง 25% และยังเป็นสายพันธุ์ที่มีความทนทานต้านทานโรคสูง ปลูกง่าย ให้ผลผลิตต่อไร่สูง การบำรุงรักษาทำได้ง่าย กาแฟสายพันธุ์นี้มีปริมาณของคาเฟอีนประมาณ 2% นิยมนำไปทำเป็นกาแฟผงหรือกาแฟสำเร็จรูป (Instant Coffee) รวมไปถึงการนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นเพื่อให้มีรสชาติ กลิ่น ที่แปลกไปจากเดิมหรือที่เรียกว่าเบลนด์กาแฟครับ

กาแฟพันธุ์ไลเบริกา(Liberica)



เป็นพันธุ์กาแฟที่มาจากแถบแอฟริกา การปลูกและการดูแลรักษาทำได้ง่ายเหมือนโรบัสต้า เป็นสายพันธุ์ที่ผู้คนนิยมน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ ส่วนมากจะนำกาแฟพันธุ์นี้ไปปรุงพิเศษหรือการผสมรวมกับกาแฟพันธุ์อื่น เพื่อดึงเอารสชาติและกลิ่นตามความต้องการดื่มของแต่ละคน

กาแฟพันธุ์อาราบิก้า(Arabica)



ถือเป็นที่สุดของสายพันธุ์กาแฟได้เลย เพราะกาแฟพันธุ์อาราบิก้านี้ปลูกและดูแลรักษาค่อนข้างยากลำบากต้องปลูกในที่สูงและอุณหภูมิเหมาะสมจึงจะได้กาแฟรสชาติดีไม่เพี้ยนไปจากพันธุ์ดั้งเดิม โดยความสูงต้องตั้งแต่ 1000 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเลและมีความลาดเอียงของพื้นที่ปลูกไม่เกิน 30% อุณหภูมิที่พอเหมาะจะอยู่ที่ 15 - 25องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60%กาแฟสายพันธุ์นี้จะมีผลผลิตที่น้อยกว่าพันธุ์โรบัสต้าครึ่งต่อครึ่ง แล้วกาแฟพันธุ์อะราบีก้ามีปริมาณคาเฟอีนอยู่ประมาณ 1% แต่เป็นพันธุ์กาแฟที่มีผู้คนนิยมดื่มสูงมากกว่าพันธุ์อื่นๆ แถมราคาก็ยังแพงกว่าพันธุ์อื่นด้วย
สำหรับกาแฟพันธุ์อาราบิก้า มีรสหอมกลมกล่อม กาแฟอาราบิก้านิยมนำมาคั่ว บด และชงโดยการกรองกากออกหรือที่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า "กาแฟสด" นั่นเอง สายพันธุ์แท้ของกาแฟอาราบีก้า(Arabica coffee varieties) กาแฟอาราบิก้ามีโครโมโซม ที่สามารถผสมตัวเองได้ ทำให้มีการผสมภายในสายพันธุ์ (inbreeding)โดยไม่ทำให้เกิดผลเสีย แต่อาจจะมีการแตกเหล่าขึ้นได้ ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์ต่างๆ หลากหลาย ซึ่งสามารถแยกสายพันธุ์สำคัญได้ดังนี้
- พันธุ์คาทูร่า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของกาแฟอาราบิก้าดั้งเดิม
- พันธุ์ทิปปิก้า (Typica) มีลักษณะเด่นยอดเป็นสีทองแดง ติดลูกห่างระหว่างข้อ มีใบเล็กเรียบ เจริญเติบโตเร็ว แต่ไม่ทนต่อโรค ฯลฯ เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ต้นกำเนิดของกาแฟอาราบิก้าเริ่มปลูกในเยเมน แล้วแพร่หลายไปสู่ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ ฟิลิปปินส์และฮาวาย พันธุ์บลูเมาเทน (Bule Mountion) กลายพันธุ์มาจากพันธุ์ทิปปิก้า นำไปปลูกที่บลูเมาเทนในจาไมก้ามีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมบนภูเขาที่สูง เป็นกาแฟที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาก เป็นที่ยอมรับของตลาดผู้บริโภค ถือว่าเป็นกาแฟมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ จึงทำมีราคาแพงที่สุดเช่นกัน
- พันธุ์มอกก้า (Mocha, Mokka) เป็นกาแฟส่งออกผ่านท่าเรือโมช่า(Mocha) ใช้ชื่อการค้าว่า ม็อกกา (Mokka) ใประเทศอินโดนีเซีย มีความแตกต่างอย่างมากจากพันธุ์ที่ปลูกในแหล่งเดิม มีเอกลักษณ์กลิ่นหอมผลไม้คล้ายโกโก้ อย่างไรก็ตามพันธุ์นี้มีผลทางเศรษฐกิจน้อยมาก เพราะมีปริมาณผลผลิตจำกัดที่ออกสู่ตลาด
- พันธุ์โคน่า (Kona) เป็นที่รู้จักดีสำหรับคอกาแฟในคุณภาพและรสชาติที่ติดอันดับต้นๆของกาแฟทั่วโลก ตามรูปแบบของกาแฟพันธุ์ทิปปิก้า ได้นำมาจากเมือง ริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล มาปลูกในเมืองโคน่า ประเทศฮาวาย ภายใต้ชื่อการค้า "ฮาวายโคน่า"มีราคาที่แพงที่สุดในตลาดโลกเช่นเดียวกันกับสายพันธุ์บลูเมาเทน
- พันธุ์เบอร์บอน เป็นพันธุ์ที่ได้มาจากลูกหลานจากต้นที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพันธุ์อราบิก้า หรือทิปิคาแสดงลักษณะด้อยของพันธุ์ทิปิคา ลักษณะที่เด่นชัด คือ ยอดหรือใบอ่อนมีสีเขียวข้อถี่กว่าเล็กน้อยใบใหญ่กว่าเล็กน้อย ออกดอกผลและเก็บเกี่ยวได้ช้ากว่าเล็กน้อย แต่ให้ผลผลิตสูงกว่า และทนทานต่อลักษณะการตายยอดได้ดีกว่า เจริญเติบโตขึ้นทางสูงเรื่อยๆ ถ้าไม่ตัดยอด
- พันธุ์คาทุย เป็นการผสมข้ามพันธุ์ ระหว่างทิปปิก้า เบอร์เบิ้น และคาทูรา
- พันธุ์คาติมอร์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของอาราบีก้าที่ประเทศไทยนำมาปลูก
- พันธุ์อิคาทู
- พันธุ์มันโดโนโว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

8 ชนิดของเหล้าที่นักดื่มควรรู้

13 Cocktail สุดฮิตของยอดรักนักดื่ม

ความแตกต่างของเบียร์แต่ละประเภทที่่หลายๆ คนยังไม่รู้